บทที่ 12 EPISODE 02 วิธีบอกเลิก [3]

“เฮ้ย!” หัวใจเกือบวายเมื่อตั้งใจจะเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน เผื่อว่าน้ำจะช่วยให้ฉันมีสติมากขึ้น แต่จังหวะที่เดินผ่านหน้ากระจกเมื่อครู่ เงาที่สะท้อนออกมาจากกระจกมันฟ้องว่าฉันไม่ได้ใส่กางเกงนอน

หนักกว่าการเมาจนไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้างคือการตื่นขึ้นมาแล้วสวมเสื้อยืดตัวใหญ่สีชมพูช็อกกิ้งพิงค์อยู่ตัวเดียว ไม่จริง เมื่อคืนฉันไม่ได้ใส่ชุดนี้ และที่สำคัญคือเสื้อยืดตัวใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่ของฉัน!

บ้าจริง! ความซวยเบอร์ใหญ่ขนาดนี้ฉันต้องสร้างพระประธานกี่วัดถึงจะแคล้วคลาดไปได้

“ไม่เป็นไรเพิร์ล แกต้องตั้งสติ ทุกอย่างแก้ไขได้” ฉันพยายามบอกตัวเองอย่างนั้นก่อนจะก้มหน้าลงพร้อมกับยกมือขึ้นจับคอเสื้อยืดเอาไว้แน่นๆ สูดลมหายใจเข้าช้าๆ แล้วค่อยๆ ดึงออกจากตัว มองลงไปเพื่อสำรวจสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านใน

ฟู่ว์~

อย่างน้อยฉันก็ยังใส่ชุดชั้นในอยู่ทั้งสองชิ้นน่ะนะ บางทีมันอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของมังกรจะไม่ค่อยดีนัก แต่เราต้องอย่าด่วนตัดสินใครจากภายนอกหรือเชื่อว่าใครเป็นยังไง ทั้งที่ยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาด้วยตัวเอง

“แกไม่เป็นไรเพิร์ล ตั้งสติตั้งจิตให้มั่น แกต้องมีสติ ท่องไว้ ต้องมีสติ”

พยายามสะกดจิตตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า กวาดสายตามองหาเสื้อผ้าของตัวเองที่ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนได้ยังไง

นั่นไง เดรสฉันอยู่นั่น! ทำไมมันถูกทิ้งเอาไว้ในถังยะในห้องน้ำล่ะ

ฉันตั้งใจจะรีบหยิบขึ้นมาดู แต่เพียงแค่ก้มหน้าลงไปใกล้ถังขยะก็แทบจะหงายหลังเพราะมันโคตรเหม็น

“โอเคๆ เพิร์ล แกตั้งสติอีกครั้งนึงนะ บางทีนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้แกต้องใส่เสื้อยืดกากๆ นี่อยู่ก็ได้” ฉันบอกตัวเองอย่างนั้นก่อนจะรีบถอยกลับออกมาจากห้องน้ำ

ถึงแม้ว่ามันจะมีโอกาสเป็นไปได้น้อยมากที่ผู้ชายอย่างมังกรจะใจดีหรือเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงเมามาก แต่ก็สวยมากอย่างฉัน แต่ฉันก็ยังจะพยายามคิดว่าเขาแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เพราะฉันดันอ้วกใส่เดรสของตัวเอง ต่อให้มันจะมีทางเป็นไปได้แค่ศูนย์จุดศูนย์หนึ่งเปอร์เซ็นต์ฉันก็สบายใจที่ได้คิดแบบนั้น

ฮือออ...ฉันไม่มีทางตกเป็นทาสกามของไอ้บ้านั่นเด็ดขาด เวอร์จิ้นของฉันต้องถูกใช้ไปแบบมีค่า และฉันต้องรู้ว่าความรู้สึกตอนนั้นมันเป็นยังไง ไม่ใช่ตื่นมาแล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้ และที่สำคัญคือต้องไม่ใช่กับอีตามังกร

มังกรคือผู้ชายที่โคตรอันตราย เขาคือสุดยอดของผู้ชายที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ทั้งเรื่องนิสัยที่แสนจะเสเพล และล่าสุดก็เพิ่งทำร้ายร่างกายยัยพลอยจนสะบักสะบอม

ทำร้ายผู้หญิงเลยนะเว้ย!

“แกต้องมีสติเพิร์ล ท่องไว้ว่าต้องมีสติ”

ให้ตายสิ ยิ่งย้ำกับตัวเองเท่าไหร่ฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองใกล้บ้าและควบคุมสติตัวเองได้ยากกว่าเดิม ทุกอย่างที่กำลังคิดมันวนไปวนมาเหมือนกำลังพายเรือในอ่าง

ปั่ก!

เสียงนั่นมัน...

ฉันสะดุ้งโหยงเพราะเสียงที่ได้ยินว่าดังมาจากด้านนอกเหมือนใครทำอะไรหล่น แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อฉันอยู่คนเดียว

หรือว่า...

“มังกร!”

ใช่เลย หน้าตาหล่อเลวแบบที่เห็นในคลิปเป๊ะๆ ไม่ผิดแน่ ตอนนี้หมอนั่นก็กำลังเดินเข้ามาในห้องของฉันหน้าตาเฉย

ฉันที่เป็นเจ้าของห้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ในขณะที่เขาซึ่งเป็นผู้บุกรุกกลับยืนนิ่ง มองฉันด้วยสีหน้าเฉยชาเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับการเดินเข้ามาในห้องของคนอื่น

ตุ้บ!

เหวี่ยงกระเป๋าเป้ซอมซ่อไว้ที่โซฟาแล้วทิ้งตัวนั่งลงในท่าทีสบายๆ ทิ้งท้ายด้วยการยกเท้ายาวๆ ขึ้นพาดบนโต๊ะกลางอย่างไร้มารยาท

“นายเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป